The Checkpoint ล่าแต้ม(ใน)โลกอสูร - The Checkpoint ล่าแต้ม(ใน)โลกอสูร นิยาย The Checkpoint ล่าแต้ม(ใน)โลกอสูร : Dek-D.com - Writer

    The Checkpoint ล่าแต้ม(ใน)โลกอสูร

    มิกคาร์เอลว์... และเพื่อนๆของเขาเข้าไปในโลกของอสูร เพื่อไปหาคนนึงที่เป็นตัวการในการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งหมด ...ติดตามได้

    ผู้เข้าชมรวม

    137

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    137

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 ม.ค. 59 / 17:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น





    The Checkpoint ล่าแต้ม(ใน)โลกอสูร

    เนื้อเรื่องโดย ... ต้นข้าวสีเงิน(rice silver)/ECM


        ท่ามกลางหิมะสีขาวที่ตกลงมาเล็กน้อย บนต้นไม้น้อยใหญ่มีละอองของหิมะจนจับตัวกันกลายเป็นก้อนหิมะขนาดกลาง ใหญ่ตามสภาพภูมิประเทศ แต่มีป่าแห่งหนึ่งกลางมหานครสยามมีหิมะจำนวนมากที่กำลังตกลงมามากไม่มีทีท่าว่ามันจะหยุดตก ตามพื้นดินเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะปกคลุมทั่ว รอยรองเท้าจำนวนไม่มากที่มีจุดมุ่งหมายเข้าไปในป่าเมื่อมองเข้าไปปรากฏแผ่นหลังของบุคคลปริศนาสามคน กำลังยืนอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ดูสะดุดตาและสวยที่สุด

      “ตรงนี้เหรอมิกคาร์เอลว์   ที่ท่านไคซิสให้มาหา” กรอยด์เรน หนุ่มรูปร่างสูงราวร้อยเจ็ดสิบปลายๆ เงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ที่ดูจะตกเป็นประเด็นให้เขาสงสัย ใบหน้าจิ้มลิ้มของเขาดูเหมือนเด็กอายุสิบห้าแต่อายุของเขาจริงนั้นไม่มีใครรู้แน่ชัด

      “ใช่!!! ท่านไคซิสส่งสารให้มาหาตรงนี้จริงๆ  แล้วก็...ให้หาใบไม้สีดำ”  มิกคาร์เอลว์ชายหนุ่มที่รุ่นราวคราวเดียวเอ่ยขึ้นพร่างถอดหมวกแก๊ปสีดำออก ใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาอาจทำให้สาวๆหลายคนต้องตะลึงกับความหล่อที่ธรรมชาติแต่งเติมให้ตั้งแต่เกิด จมูกโด่งเป็นรูป ขอบตาคมกริบและมีสีดำเหมือนถูกเขียนด้วยอาไลยเนอร์  นัยน์ตาของเขาเป็นแววตาของคนที่มีฉายาว่า ผู้ล่าวิญญาณ เขาจับผ้าเก่าๆที่ปกปิดปากของเขาไม่ให้กระทบลมหนาวที่มีอุณหภูมิติดลมถึงเก้าองศา ริมฝีปากของเขาเริ่มสัมพันธ์กับลมหนาวที่กำลังกระทบทุกส่วนของร่างกาย

       “ใบไม้สีดำ!!!  มันจะมีได้ยังไงที่นี่มันป่าน่ะ เหอะ” ไอริส สาวสวยที่มีใบหน้าน่ารักแต่ดวงตาเธอแฝงไปด้วยความน่ากลัว ผมสีขาวเธอปล่อยลงมาตามอิสระอย่างสลวย เธอยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนมิกคาร์เอลว์จะสังเกตเห็นบ้างอย่างบนต้นไม้ที่สูงประมาณยี่สิบฟุตได้ เขายื่นมือขวาออกมาเพื่อรองรับอะไรบางอย่างที่กำลังจะตกลงบนฝ่ามือของเขา ใบไม้สีเขียวสด ลักษณะเป็นสามแฉกค่อยหล่นลงมาตามลม ก่อนที่มันจะตกลงบนมือของเขา ใบไม้สีเขียวสดค่อยๆเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวแก่และน้ำตาลจากนั้นมันกลายเป็นใบไม้สีดำตามลำดับ สร้างความตกใจให้กับเพื่อนของเขาทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆเป็นอย่างมาก สีหน้าของไอริสบ่งบอกว่า “เป็นไปไม่ได้” ไม่กี่วินาทีใบไม้สีดำแตกและปลิวไปกับสายลม ต้นไม้ค่อยๆเปลี่ยนสภาพตั้งแต่โคนหล่ามขึ้นไปเรื่อย จากใบไม้สีเขียวนามองตอนนี้มันเริ่มกลายเป็นสีดำสามแฉกทั้งต้นเพียงไม่ถึงห้าวินาที ลมร้อนพัดมาทางต้นไม้ ใบไม้สีดำแตกไปพร้อมลมแรง และค่อยๆ สลายหายไปพร้อมกับอากาศ ท้องฟ้าที่ตอนแรกมีสีฟ้าขาวสว่างสดใส น่ามอง ตอนนี้มันกลายเป็นท้องฟ้าสีแดงส้มที่น่ากลัวไม่น่ามองเอาเสียเลย ก้อนเมฆเคลื่อนตัวเข้าหากันจับตัวกันเป็นก้อนเมฆขนาดใหญ่สีของมันเปลี่ยนเป็นโทนม่วงแซมดำ พวกเขาทั้งสามเองก็รู้ว่าพวกเขาเองไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์แต่อยู่ในโลกของปีศาจ โลกที่พวกเขาเจอมาตลอดทั้งชีวิต พวกเขาเริ่มก้าวเท้าเดินด้วยความมั่นใจเหมือนที่เคยผ่านมา “ระวังตัวกันด้วยที่นี่  ไม่ใช่โลกปีศาจที่เราจะมายุ่งตั้งแต่แรก” มิกคาร์เอลว์ ว่าแล้วก็หยิบมีดขนาดเล็กขึ้นมาก่อนจะเปิดกลไลเปลี่ยนให้มันเป็นดาบเปล่งแสงสีแดงขนาดใหญ่ หญิงสาวเองก็ชักปืนขนาดกลางขึ้นมาออกมาตรงเอวข้างขวา เธอตั้งท่าเตรียมพร้อมทุกเวลา ต่างจากกรอยด์เรนที่ยืนมองเพื่อนทั้งสองเฉยแล้วเดินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างก้าวทุกพฤติกรรมของพวกเขาถูกจับจ้องไปด้วยดวงตาสีดำสนิทหลายดวง มันค่อยๆ ตื่นจากการหลับใหลเป็นเวลานาน พวกมันค่อยใช้เท้ายันตัวขึ้น มันแฝงตัวจากที่โล่งแจ้งด้วยการหลบอยู่หลังต้นไม้ บางตัวแฝงตัวอยู่ตามต้นไม้ ก้อนหิน หรือแม้กระทั่งพื้นดิน บางตัวปกปิดตนด้วยการล่องหนบนอากาศ แหล่งน้ำเล็ก พวกมันกำลังเพ่งมองผู้บุกรุกที่เข้ามาในที่ที่ไม่สมควรจะเข้ามา เลือด วิญญาณ คือสิ่งที่พวกมันต้องการมานานเพื่อเพิ่มพลังชีวิตที่กระหายมานานนับร้อยปี ความกระหายของพวกมันบ่งบอกได้ว่าความอดทนของพวกมันต่ำมาก มันรอไม่ไหวที่จะเห็นอาหารจานหลักของมันลอยหายไปเฉยๆ “หลังต้นไม้...ก้อนหิน... ” มิกคาร์เอลว์กระซิบเบาๆเพื่อให้รู้กันแค่สามคนเท่านั้น  พวกมันจู่โจมพวกเขาไม่ทันตั้งตัวแต่ทั้งสามก็รับมือได้สบาย กรอยด์เรนเห็นปีศาจตัวใหญ่ หัวฟูสีดำเหมือนสิงโต แต่ลำตัวเป็นอินทรีย์สีดำสี่ขา ดวงตาของมันดำสนิทส่องแสงสีขาวรอบๆ โผล่ออกมาจากอากาศด้วยความเร็ว เขาหลบไปทางซ้ายทันทำให้มันไถลลงบนพื้นไกลจากเขาหลายเมตรฝุ่นละอองสีน้ำตาลโอบรอบตัวมัน ดวงตาคู่นั้นกำลังหันกลับมาจ้องมองเขาด้วยความกระหาย เขายิ้มมุมปากพร่างกระดิกนิ้วชี้เบาที่ขาเขาสามครั้ง ก่อนที่แขนเขาจะมีขนสีขาวแซมขึ้นมาตามผิวหนังสีขาวของเขา นิ้วมือเขาเริ่มมีเล็บสีเทาอ่อนงอกขึ้น ร่างกายค่อยๆขยายใหญ่ออกมากขึ้นเรื่อย จมูกยื่นออกมายาวขึ้นคล้ายจมูกของหมาป่า ดวงตาของเขากล้ายเป็นดวงตาสีเขียว ดวงตาของผู้ล่าโดยเวลาไม่กี่วินาที เขากลายเป็นหมาป่าสีขาวตัวใหญ่พอๆกับคู่ต่อสู้ของเขาเอง มันค่อยๆวิ่งไปหากรอยด์เรน และเพิ่มความเร็วเรื่อยๆ เขาเองก็ค่อยวิ่งๆและเพิ่มความเร็ว เพื่อจู่โจมศัตรูทั้งคู่ปะทะกันด้วยความดุเดือด ในขณะที่ไอริสกำลังใช้ปืนของหล่อนเล็งไปที่หัวของศัตรูแล้วสอยพวกมันตกลงบนต้นไม้ทีละตัวสองตัว  มิกคาร์เอลว์ใช้ดาบของเขาฟันไปที่พวกมันจนขาดเป็นสองท่อน ศพค่อยๆหายซึมหายไปกับพื้นดินทิ้งไว้เพียงรอยเลือดสีดำที่ไหลออกจากตัว ทั้งสามสู้กับศัตรูนับร้อยที่กำลังหิวโหย และพยายามตะคลุบเหยื่อให้ได้พวกมันวิ่งใส่พวกเขาเรื่อยๆ และยิ่งนานพวกมันยิ่งวิ่งเขามาเร็วและมากสองเท่า ร่างพวกมันเองก็กระเด็นออกมาเรื่อยๆ ทั่วบริเวณนั้นมีกองเลือดเต็มไปหมดแต่ก็มีพื้นดินค่อยซึมซับลง “ถ้าเยอะขนาดนี้ เราคงสู้กับพวกมันไม่ไหวหรอก!!!” ไอริสตะโกนบอก มิกคาร์เอลว์สังเกตเห็นถ้ำขนาดใหญ่อยู่ข้างหลังจึงหันไปตะโกนบอกอีกครั้ง “ไปที่ถ้ำ!!!” ว่าแล้วไอริสก็วิ่งนำหน้าไปก่อนแล้วค่อยยิ่งคุ้มกันให้อีกสองคนวิ่งมาปากถ้ำ กรอยด์เรนวิ่งไปทางมิกคาร์เอลว์ที่กำลังเสียบดาบลงบนหัวสิงโต เขากระโดนขึ้นบนหลังหมาป่าสีขาว กรอยด์เรนค่อยๆเร่งความเร็ววิ่งไปในถ้ำให้เร็วที่สุด ไอริสวิ่งเขาไปในถ้ำก่อนที่มิกคาร์เอลว์และกรอยด์เรนจะตามเธอไป ตอนนี้ไอริสสังเกตว่าไม่มีศัตรูตามมาแล้วจึงหันไปดูในถ้ำ เธอพบกับทางเขาถ้ำที่มืดมิด ทั้งสามกันพากันเดินเข้าไปในถ้ำที่มือมิดโดยมีแสงสว่างจากดวงไฟสีฟ้าจากมือไอริสที่หล่อนเอาออกมาจากกระเป๋าเป้ ยิ่งเดินพวกเขาก็เหมือนว่ายิ่งใกล้พบกับบุคคลที่เขาอยากเจอมากขึ้น ห่างไปไม่กี่ก้าวแสงสว่างสีขาวจากอีกฝั่งของถ้ำกระทบกับด้วยตาของทั้งสาม แสงนั้นทำให้เขาแสบตาและใช้มือบังเพื่อไม่ให้มองโดยตรง ไม่นานแท่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ กลางหลากหลายขนาด ย้อยลงมาจากข้างบนของถ้ำ รอบพวกเขากลายเป็นน้ำแข็ง และความหนาวค่อยๆปกคลุมทุกฝุ่นละอองในอากาศ พวกเขามองไปรอบๆ พร่างเดินแยกกันไปสำรวจทั่วๆ แปะ! แปะ! แปะ! เสียงปรบมือสามครั้งดังขึ้น พร้อมกับปรากฏชายหนุ่มวัยสี่สิบกว่า ผมสั้นซอยขาวเสมือนขนของหงส์ สีผิวของเขาขาวราวหิมะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข รอยยิ้มของเขาเผยออกมาจนเกือบถึงหู รอยยิ้มนั้นอาจจะดูดีและอบอุ่น แต่ดวงตาและสีหน้าของเขาแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์และความหล่อของเขาที่ไม่แพ้ใครเหมือนกันทำให้เขาดูมีเสน่ห์ และแผนการต่างที่กำลังวนเวียนอยู่ในหัวสมองของเขา พร้อมที่จะสั่งให้ใครไปทำให้เขาหรือเขาต้องการที่จะลงมือเอง เขาแสดงออกมาทางสีหน้าได้ชัดเจนแต่สิ่งที่ยากจะรู้คือเขาคิดจะพูดและทำอะไรต่อไปกับสหายทั้งสามกันแน่ “ว้าวพวกท่านก็ยังทำให้ข้าไม่ผิดหวังจริง” เขาเผยเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะ เปลี่ยนสีหน้าเป็นอีกอารมณ์ เขาเปลี่ยนแววตาเป็นความมืดมิด ผมเขากลายเป็นสีดำสนิท ชุดเขาค่อยเป็นเป็นโทนสีดำ ตัดกับสถานที่ที่เขาอยู่ตอนนี้ เสียงคลื่นที่ดังขึ้นเลยๆ ทั้งสามมองหาเสียงแปลกประหลาด ทำไมในถ้ำขนาดใหญ่ถึงมีเสียงของคลื่นน้ำทะเลได้ หรือว่าพวกเขาแค่คิดมากไปเอง ยิ่งเวลาผ่านไปเพียงไม่ถึงห้านาที น้ำจำนวนมากไหลเข้ามาที่ปากถ้ำเสมือนกำลังจะเกิด
    สึนามิขึ้น มิกคาร์เอลว์หันไปมองแท่นน้ำแข็งที่(เคย)มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ แต่ตอนนี้แม้แต่ร่องรอยของเขาก็ยังไม่เห็น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นหลักของเขาและเพื่อนที่อยู่ตรงหน้านี้ตั้งหาก สายตาทุกคนพยายามมองหาทางออก แต่มันก็ไม่มีช่องว่างหรือแสงสว่างเลย พวกเขาถูกคลื่นซัดด้วยความแรงจนหมดสติไป รู้ตัวอีกทีพวกเขามาโผล่ที่ไหนเนี่ย
    !



    rice silver

    คอมเม้นด้วยน่ะ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×